แม่มณีกบน้อยเถียงในใจพกกะลาเป็นอาวุธ ปะทะ เฮียวิทย์ 8 Minute History 20 นาทีขึ้นเกือบทุกคลิป

แม่มณีกบน้อยเถียงในใจพกกะลาเป็นอาวุธ ปะทะ เฮียวิทย์ 8 Minute History 20 นาทีขึ้นเกือบทุกคลิป

ประกันอื่นๆ



แม่มณีกบน้อยเถียงในใจพกกะลาเป็นอาวุธ ปะทะ เฮียวิทย์ 8 Minute History 20 นาทีขึ้นเกือบทุกคลิป

ฟังเฮียวิทย์ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน 2 ชั่วโมง ทุบกะลาให้น้องกบน้อยอย่างแม่มณีแตกไปหลายชั้นทีเดียวเจ้าค่ะ เฮียวิทย์ไม่ได้เล่าเป็นข้อ ๆ หนาเจ้าคะ เนื้อหาจริงกว้างขวางและสนุกกว่านี้มากแต่แม่มณีขออนุญาตสรุป 10 ข้อที่ประทับใจแม่มณีที่สุดดังนี้เจ้าค่ะ



ข้อที่ 1 การเล่าเรื่อง = การแปลงข้อมูลเป็นเรื่องราวที่มีตัวละครและเชื่อมโยงกับผู้ฟัง พอคิดตามแล้วแม่มณีก็เห็นภาพชัดเจนกับคำว่า Story มากขึ้น แน่นอนว่า “ตัวละคร” คงมิได้หมายแค่ว่าเป็นคน เราคงสร้างตัวละครขึ้นมาจากใด ๆ ก็ได้ในโลกหากมันจะสามารถทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับผู้ฟัง/ผู้อ่านได้ แม่มณีเคยอ่านหนังสือซีรี่ยส์ผีญี่ปุ่น The Ring ภาคแรกเป็นผีลากคนตกบ่อ อ่านต่อภาคสอง Spiral ผีตัวร้ายจริง ๆ เป็นไมโตคอนเดรียของไวรัส (ไมโตคอนเดรีย คือ ส่วนที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้กับเซลล์ในสิ่งมีชีวิต ถือกันว่าเป็น “โรงไฟฟ้าของเซลล์”) GenZ ไม่เคยอ่านละซี๊

ข้อที่ 2 คิดจะเล่า คิดถึง Audience (ผู้ชม/ผู้ฟัง/ผู้อ่าน) หลายครั้งเรากังวลเกี่ยวกับตัวเองว่าจะดูดีหรือไม่ในการกล่าวถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ เสื้อผ้า หน้าผม เราดูดีหรือยัง ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การคิดถึงประโยชน์ Audience ของเรา ว่าเขาได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราพูดมั้ย มากกว่าที่จะมัวแต่พะวงว่าเค้าจะตัดสินหรือมองเราอย่างไร? เรื่องนี้แม่มณีเห็นว่าเป็นจริงทุกคำ โดยเฉพาะที่เฮียวิทย์พูดว่าส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครสนใจตัวเรานักหนา เค้าสนใจว่าสิ่งที่เราเล่าเชื่อมโยงกับเค้าหรือเปล่ามากกว่า

ข้อที่ 3 เรื่องยากแค่ไหนก็เล่าให้สั้นได้ ยุคนี้ทุกอย่างรวดเร็วผลุนผลัน ชอบสั้น ๆ รีบ ๆ เล่า เริ่มเปิดปฐมบทกบน้อยเถียงในใจ กรมธรรม์เป็นเรื่องที่ยากและต้องเล่ายาว ฉันย่อไม่ได้ เฮียวิทย์บังเอิญพูดต่อว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากแค่ไหนก็เล่าให้สั้นได้ พร้อมโชว์สไลด์รูปภาพใหญ่ ๆ และประโยคสั้น ๆ ว่า If you can't explain it to a six-year-old, you don't understand it yourself. แม่มณีควรจะทรนง หรือจะยอมลดกำแพงลงเพื่อเข้ากับยุคสมัย แต่ที่เฮียวิทย์พูดมาก็มีเหตุผล งั้นแม่มณีจะยอมลดกำแพงลงอย่างทรนง ก็คือเรื่องเดียวกันจะเล่าทั้งแบบสั้น แบบยาว เลือกเสพเอาตามอัธยาศัยไม่ทิ้งใครทั้งนั้น ทำทันหรือไม่ทันเป็นปัญหาในอนาคต แล้วเฮียวิทย์ก็เริ่มยกตัวอย่างในแง่ของการเป็น speaker ว่าไม่มีใครมีเวลาทั้งชีวิตเพื่อฟังเรา และที่สำคัญห้ามไปกินเวลาคนพูดถัดไป ยากไปแล้วเฮียวิทย์...อันนี้ยากเกินไปสำหรับแม่มณีที่อยู่ในแวดวงที่ speaker กินเวลาต่อ ๆ กันมาเป็นเรื่องปกติ ไม่นับรวมการ late agenda คนฟังยังไม่มา คนพูดก็ต้องรอ จดจ่อรอเถียงเฮียวิทย์ในช่วง Q&A ว่าก็เค้ากินเวลาแม่ก่อน เราต้องมาปรับ Script ตัวเองที่เตรียมมาอย่างดีแล้วเพราะเค้าด้วยหรือเจ้าคะ? แล้วเฮียวิทย์ก็พูดต่อว่าการกระชับเวลาได้เป็นการโชว์ประสิทธิภาพของผู้พูด อุ้ต๊ะ รู้สึกแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เถียง

ข้อที่ 4 การสื่อสาร ไม่เท่ากับ Information sharing การสื่อสารควรมีวัตถุประสงค์มากกว่า FYI (For your information) นอกเหนือจากข้อมูลแล้ว ยังต้องมีอารมณ์ร่วม (Emotion) ความน่าสนใจ (Attention) และ แรงบันดาลใจ (Inspiration) ด้วยจึงจะเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เห็นด้วยเจ้าค่ะ ไม่เถียงสักคำ

ข้อที่ 5 Mismatch = Disengage (ไปเรื่อย ๆ) “เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังจะเล่า มีอะไรที่เรากับเค้ารู้ไม่เท่ากัน” การใช้ศัพท์เทคนิค หรือ ศัพท์ภาษาอังกฤษ มีความเสี่ยงมั้ยที่จะทำให้ไม่เข้าใจ หรือคิดกันไปคนละทิศละทาง จนทำลายการมีส่วนร่วมของผู้ฟัง ยิ่งคุยกันไป ยิ่งไม่มีส่วนร่วม นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่แม่มณีพลั้งเผลอหลายครั้ง จากนี้ไปจะระวังมากยิ่งขึ้น แต่เพจแม่มณีเน้นเล่าเรื่องประกันเชิงลึก ชัดเจน รู้จริง อ้างอิงกรมธรรม์ มันก็ต้องมีคำยากโผล่มาบ้างหนา แม่ว่าลูกเพจน่าจะเข้าใจ ฉับพลันทันใดเฮียวิทย์กล่าวต่อไป

ข้อที่ 6 ก่อนจะ “รู้ลึก” ต้อง “รู้เรื่อง” ได้ยินประโยคนี้แล้วเหมือนฉากในหนังที่คนรอบข้างทั้งหมดหายไป เหลือเฮียวิทย์ไว้บนเวที กับแม่มณีที่นั่งฟัง หรือเฮียวิทย์มีพลังฮาคิสังเกต (พลังลึกลับจากการ์ตูน One Piece ที่สามารถสัมผัสเจตนา รับรู้ล่วงหน้า หรือครอบงำจิตใจผู้คนได้) แม่มณีเริ่มไม่ค่อยกล้าเถียงในใจ จากนี้ไปแม่มณีจะใส่ใจให้ทุกคนเข้าใจ และ รู้เรื่อง ไม่ว่ามันจะเป็นหัวข้อที่ลึกแค่ไหนก็ตามเจ้าค่ะ

ข้อที่ 7 Content อยู่ที่ Speaker, Presentation เป็น Excitement เฮียวิทย์บอกว่าสไลด์ควรเป็นสัดส่วนของรูปภาพมากกว่าตัวหนังสือ ชัดละ เฮียวิทย์มีฮาคิสังเกตจริง ๆ แหล่ะ ไม่งั้นเค้าจะรู้ได้ยังไงว่าสไลด์แม่มณีทุกวันนี้มีแต่ตัวหนังสือ หลายตัวเล็กเท่าลูกมดแรกเกิด แม่มณีติดมาจากแวดวงธุรกิจเจ้าค่ะ พอดีวงการเราโปรดปรานดอกจัน จะโทษตัวเองไปทำไม ในเมื่อเราโทษสังคมรอบข้างได้ แม่มณีขอน้อมรับไปปรับปรุงและปฏิบัติเจ้าค่ะ

ข้อที่ 8 การเล่าไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ เราไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องตามลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง และไม่ต้องย้อนอดีตเป็นไทม์แมชชิน สิ่งที่ควรทำคือพุ่งเข้าประเด็นให้เร็วที่สุดมากกว่า การเล่าเนื้อหาอ่านจะสลับหลังไปหน้า พลิกข้างออกกลางลำตัวอย่างไรก็ได้ที่ทำให้คนฟังเข้าใจ สร้างอารมณ์ร่วม ความน่าสนใจ และ แรงบันดาลใจให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เหมือนเฮียวิทย์จะสัมผัสได้ว่าแม่มณีเริ่มชอกช้ำเกินไป ข้อนี้แม่มณีเลยรู้สึกเหมือนได้รับคำชมบ้าง เพราะแม่มณีก็ไม่ค่อยเรียงก่อนหลัง กระโดดไปกระโดดมาละม้ายดูหนัง Oppenhiemer และที่อ่านกันอยู่นี่แม่มณีก็ไม่ได้เรียงลำดับก่อนหลังเหมือนกันเจ้าค่ะ




ข้อที่ 9 Start strong, End strong คนจะฟังเรามากที่สุดในช่วงเริ่มต้น และช่วงก่อนที่เราจะจบ (หลังคำว่า Last but not least) นี่คือช่วงสำคัญที่เราต้องตั้งมั่น เตรียมตัว และ มีสติ ในการพูดมากที่สุด จริง! แม่เห็นด้วยสามล้านเปอร์เซ็นต์ แม่ก็เจ็บช้ำมาเหมือนกันกับระบอบการพูดที่เริ่มต้นว่า เรียนท่าน...หลายคนมากกว่าจะครบองคาพยพ แล้วสุดท้ายก็จบด้วยกลอน T_T

ข้อที่ 10 อารมณ์ขัน (ที่พอดี) เป็นสิ่งสำคัญ เฮียวิทย์เป็น Speaker ที่ฟังสนุกมากเป็นอันดับต้น ๆ ในใจแม่มณี ความรู้ ประสบการณ์ เนื้อหานั้นโดดเด่นชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ แต่อีกอย่างที่ปักใจคือมุกตลกเยอะมาก หลากหลาย และเหมือนจะมีในสต็อกหยิบออกมาใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่แม่มณีมีคาแรกเตอร์เป็นแม่หญิงที่จริงจังและบ่อยครั้งจะปล่อยมุกแป้ก แม่มณีจึงถามเฮียวิทย์ในช่วง Q&A ว่าอารมณ์ขันจำเป็นแค่ไหน และถ้าคนพูดไม่ถนัดมุกตลกล่ะจะทำฉันใด เฮียวิทย์ไกด์ไลน์ว่า อารมณ์ขัน คือ การ Break the ice อาจไม่ได้ออกมาในรูปแบบของมุกตลกเท่านั้น อาจออกมาในสไตล์อื่น เช่น ท่าทาง หรือ ภาษากาย ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายและลดกำแพงลงได้ อย่างไรก็ดีนักพูดที่มีชื่อเสียงทุกคนล้วนสามารถแทรกมุกตลกที่พอดีลงไปในการสื่อสารได้อย่างมีเสน่ห์ซึ่งแสดงออกถึง intelligent ของผู้พูด...ฟังคำตอบจบ แม่มณีก็จดในสมุดว่า Next Action - Research มุกตลก เอาเถิดถึงเราเป็นคนไม่ตลก เสพเยอะ ๆ จดมุกไว้ เดี๋ยวเราก็ตลกได้เจ้าค่ะ



    ถ้ายังมีใครอ่านมาถึงตรงนี้ แม่มณีก็ดีใจที่ยังมีคนเสพเรื่องยาว ๆ ในสไตล์ที่แม่มณีถนัดเล่าอยู่บ้าง อย่างไรก็ดีแม่มณีก็จะไม่หยุดพัฒนาตัวเองในการเล่าเรื่องราวเดียวกันให้สั้นลงตอบสนองกับยุคสมัย

    สุดท้ายนี้ Last but not least แม่มณีขอบพระคุณ รศ. ดร. ชโยดม สรรพศรี (อาจารย์ปิ่น) แห่ง ECON จุฬาฯ ที่อนุญาตให้ศิษย์เก่าเข้านั่งฟังหลังห้องได้ในคลาสวิชาสื่อสารทางเศรษฐศาสตร์ของนิสิตปัจจุบัน ในยุคนี้ที่สังคมตั้งคำถามกับบทบาทของมหาวิทยาลัยว่ายังตามทันหรือไม่กับความเปลี่ยนแปลงไปของโลกปัจจุบันและอนาคต? แม่มณี GenY ตอนต้นที่ได้รับอะไรมากมายจากมหาวิทยาลัย ทั้งความรู้ ประสบการณ์ ทักษะการเข้าสังคม ลูกค้า หุ้นส่วนธุรกิจ หุ้นส่วนการค้า และ สามี ยังคงกลับมารับความรู้ในวันนี้ที่เรียนจบมาแล้วเกือบ 20 ปี แม่มั่นใจว่ามหาวิทยาลัยปรับตัวทันเจ้าค่ะ รักนะ จุ้บ ๆ

Share this post :


RELATED PORTFOLIO